เทศน์เช้า วันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ตั้งใจฟังธรรม ฟังธรรมเพื่อหัวใจของเรา หัวใจของเราเห็นไหม คนที่มีคุณธรรมเวลาเกิดมาเกิดด้วยบุญกุศลพาเกิดนะ มีความคิดดีๆ มีจิตใจที่เมตตา มีจิตใจที่เป็นสาธารณะ มีจิตใจที่มีความเป็นสุข คนเราเกิดเป็นมนุษย์นะ เกิดมาด้วยความทุกข์ความยาก เกิดมาด้วยความอัตคัดขาดแคลน มันมีแต่ความบีบคั้นหัวใจ มีแต่ความน้อยเนื้อต่ำใจ มีแต่คิดเหยียบย่ำตัวเอง นี่จิตใจของเขาได้สร้างมนุษย์สมบัติการได้เกิดเป็นมนุษย์สมบัตินี้แสนยาก
ทีนี้เกิดเป็นมนุษย์สมบัติการเกิดเป็นมนุษย์สมบัติมีค่ามาก แต่มีค่ายังมีจิตใจที่เป็นธรรม ถ้าจิตใจที่เป็นธรรม เกิดมามันจะอัตคัดขาดแคลน มันจะมีความสุขความทุกข์ขนาดไหนจิตใจที่มีคุณธรรมมันไม่บีบคั้นตัวเอง มันมีความเข้าใจมันมีปัญญา ถ้าปัญญาอย่างนี้เกิดขึ้นมา นี่ใจที่มีคุณธรรม
ถ้าใจที่มีคุณธรรม เวลาเวียนว่ายตายเกิดมันมีคุณธรรม มันมีธรรมะเป็นเครื่องอาศัย แต่เวลาเวียนว่ายตายเกิดเหมือนกันเราเวียนว่ายตายเกิด เวียนว่ายตายเกิดมันเป็นกรรมของสัตว์นะ เพราะกรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน มันต้องเวียนว่ายตายเกิดโดยธรรมชาติของมันอยู่แล้ว ธรรมชาติๆ เพราะธรรมชาติมีอวิชชาปกคลุมหัวใจอยู่นี่ มันต้องเวียนว่ายตายเกิดไป
พอเวียนว่ายตายเกิด ถ้าเกิดมามีอำนาจวาสนา อำนาจวาสนาคือได้สร้างบุญกุศลมาการว่าสร้างบุญกุศล มันเสียสละความตระหนี่ถี่เหนียว ความที่มันเป็นอวิชชาความไม่รู้ในหัวใจมันได้จางลง พอได้จางลงมันมีปัญญาของมัน แล้วมีปัญญามันมีสติมีปัญญามีสติปัญญาความคิดที่ดีๆ ไงความคิดที่ไม่ใช่เป็นไฟเผาตัวเองไง
ความคิดนะ คนก็เท่ากันคนก็คนเหมือนกัน ความสูงต่ำของสถานะมันเป็นอนิจจัง มันเป็นจังหวะและโอกาสของคนมันอยู่อย่างนั้นไม่ได้หรอกเพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าโลกนี้เป็นอนิจจัง ไม่มีสิ่งใดคงที่ ความแปรสภาพนี้เป็นเรื่องธรรมดา แต่คนดิ้นรนกันไปตรงนั้นไง
แต่ถ้าเป็นจักรพรรดิการสร้างบุญกุศลมาเป็นพระโพธิสัตว์ ได้เสียสละมาต่างๆเสียสละมา นั่นแหละกรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กันบุญกุศลมันจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กันจิตใจมันพัฒนาขึ้นไป มันดีขึ้นไปเป็นชั้นเป็นตอนขึ้นไป ถ้าเป็นชั้นเป็นตอนขึ้นไปอย่างนั้นกรรมมันสร้างมาสร้างคุณงามความดีมา ถ้าเราสร้างคุณงามความดี
แต่เราในปัจจุบันนี้เราเกิดมาเป็นมนุษย์เกิดมาเป็นมนุษย์เหมือนกันแล้วหัวใจของเราล่ะ? มันวัดกันตรงนี้ไง ถ้าหัวใจของเราเป็นสาธารณะ จิตใจของเราที่มีคุณธรรม มันคิดแต่เรื่องดีๆ คำว่าเรื่องดีๆ มันคิดแต่มีธรรม มันไม่เผาลนหัวใจ ไม่เบียดเบียนตนและไม่เบียดเบียนผู้อื่นไม่เบียดเบียนตนก่อน ไม่เบียดเบียนตนก่อน ถ้าเบียดเบียนตนแล้วมันมาเบียดเบียนผู้อื่นไง ถ้าเบียดเบียนผู้อื่น มันมีความขาดตกบกพร่องพอความขาดตกบกพร่องจะเติมเต็มสิ่งนั้น เติมเต็มสิ่งนั้นแล้วเติมอย่างไรล่ะเติมอย่างไร ก็ลูบหน้าปะจมูกเอาให้สมความปรารถนา
แต่ถ้าคนมีคุณธรรม เวลาขาดตกบกพร่องมันเป็นอย่างนี้การขาดตกบกพร่อง เพราะเราไม่ได้แสวงหา เราไม่ได้การกระทำมาถ้าเดี๋ยวเราทำมามันก็มาของมันเอง เราไม่ไปเดือดเนื้อร้อนใจกับสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น นี่คนที่มีคุณธรรม คนที่มีคุณธรรมในใจฉะนั้น คนที่มีคุณธรรมในใจแล้วธรรมนี้มันเกิดมาจากไหนล่ะ? มันเกิดมาจากการกระทำทั้งนั้นแหละ
ฉะนั้น สิ่งที่เรากระทำ เราเกิดเป็นมนุษย์เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เราเกิดเป็นมนุษย์มนุษย์ต่างจากสัตว์เพราะมีศีลธรรม คุณธรรมถ้าศีลธรรมคุณธรรม เราแสวงหาตรงนี้ไงที่เรามาวัดมาวากัน เรามาทำบุญกุศลของเราเพราะเรามีศรัทธามีความเชื่อ เราเชื่อมั่นของเรา คนเขาบอกว่า มันจะได้อย่างไร ไปเสียสละ ไปเสียเปรียบ มันจะได้อย่างไร มันจะได้อย่างไร
เวลาเราได้สิ่งใดมาเป็นวัตถุ สิ่งใดที่เราแสวงหามา ถ้ามันไม่ถูกใจเวลาไม่ถูกใจมันระแวง เรามีความสุขไหม สิ่งที่ได้มา แต่ใจเราไม่ลง เรามีความสุขไหม นี่วัตถุทั้งนั้นแหละ เราได้มา มันระแวงไงมันระแวง มันนั่งทับบนกองไฟ
แต่ถ้าใจมีคุณธรรมนะ เราไม่มีสิ่งใดเลยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อยู่โคนต้นโพธิ์ เสวยวิมุตติสุขๆ นี่เราแสวงหาของเราเรามีคุณธรรมของเรา สิ่งใดที่เป็นธรรมๆ ฉะนั้นเราจะมาประพฤติปฏิบัติตรงนี้ไง ที่เรามาปฏิบัติกัน เรามาเสียสละกัน เราทำบุญกุศลของเราเพราะเราเชื่อมั่นของเรา ถ้าเราเชื่อมั่นของเราเราทำของเราเราพัฒนาใจของเรา
ถ้าใจของเราพัฒนาแล้วทำบุญกุศลแล้วทาน ศีล ภาวนาเราจะหัดภาวนาของเราแล้ว ถ้าเราภาวนาของเรานะ เราทำความสงบของใจเข้ามา ถ้าใจมันสงบเข้ามาเวลาธรรมมันเกิดเวลาธรรมมันเกิดนะ มันมีความรู้สึกนึกคิดที่ดีๆ นี่ธรรมมันเกิดๆเวลาธรรมเกิดๆเกิดมาจากการภาวนา ถ้าเกิดจากการภาวนา นี่ธรรมมันเกิด เกิดขึ้นมามันสังเวช
เวลาธรรมมันผุดขึ้นมานะ ธรรมมันผุด หมายถึงว่าความคิดดีๆ ที่มันผุดขึ้นมา สิ่งใดมีความสงสัยในใจ ที่มันขุ่นข้องหมองใจ มันมีปัญญาเกิดขึ้นมา มันร่มเย็นเป็นสุขไปหมดเลย แล้วมันจะว่าสิ่งนี้ทำไมแต่ก่อนเราไม่รู้อย่างนี้ แต่ก่อนเราไม่เห็นอย่างนี้แต่ก่อนทำไมจิตใจเราไม่เป็นแบบนี้ นี่เวลาธรรมมันเกิดเกิดนี้เกิดเพราะอะไร เกิดเพราะเรามีสติ เรามีปัญญา เราบริกรรม เราบริกรรมพุทโธๆเราใช้ปัญญาอบรมสมาธิ ถ้าจิตมันสงบเข้ามาถ้าธรรมมันเกิดๆ นะ ถ้าธรรมเกิด เราแสวงหาสิ่งนี้แสวงหาคุณธรรมแสวงหาความจริงของเรา เห็นไหม มันมีคุณธรรมขึ้นมาเราแสวงหาสิ่งนี้เพื่อประโยชน์กับเรา ถ้าเรามีสติมีปัญญา เราทำความสงบของใจเข้ามา ถ้าอริยสัจเกิด นี่คุณธรรมไง
เวลาธรรมมันเกิดธรรมเกิดเพราะอำนาจวาสนาธรรมเกิดเพราะจริตนิสัย ธรรมเกิดเพราะบุญกุศลมันเกิดขึ้นมา แล้วเวลาบางคนภาวนาไปมันไม่มี เวลาเป็นพระอรหันต์ สุกฺขวิปสฺสโก เขาบอกว่าไม่มีสิ่งใดมหัศจรรย์ไม่มีอภิญญาไม่มีความรู้พิเศษ
ถ้าเรามีบุญกุศล มันมีความรู้พิเศษธรรมมันเกิดทำไมมันจะไม่มีความรู้พิเศษ แต่ถ้าเรามีสติปัญญา แล้วเราพยายามประพฤติปฏิบัติของเรา ถ้าจิตมันสงบเข้ามาก็สงบเข้ามาเฉยๆ นั่นล่ะ สงบเข้ามาด้วยสติด้วยปัญญา สงบเข้ามาเฉยๆ คือว่าสงบแล้วมันไม่ส่งออก สงบแล้วไม่รับรู้สิ่งใด แต่สงบสิ่งนี้มันก็มีสติปัญญา ถ้าเป็นสัมมาสมาธิถ้าเรามีสติปัญญา เราออกแสวงหา เราออกรู้ๆ ออกรู้ รู้ในอะไร? รู้ในสติปัฏฐาน ๔ นี่เราแก้ไขตรงนั้น
ถ้าใครจะชำระกิเลสต้องเห็นหน้ากิเลส แล้วกิเลสเป็นนามธรรมเขาบอกว่าเวลาพระโสดาบันละสังโยชน์ ๓ ตัวสักกายทิฏฐิวิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส สักกายทิฏฐิ ทิฏฐิความเห็นผิด เราก็พยายามปรับความเห็นเราเลยทิฏฐิๆ ปรับความเห็นเราเลย...นี่มันไปเอาที่ผล มันไม่เอาที่เหตุ
เวลาที่เหตุ กิเลสเป็นนามธรรมๆ กิเลสเป็นนามธรรมคือความเห็นผิด มันเป็นความรู้สึกที่เป็นความเห็นผิด ถ้าเรามีสติปัญญา จิตสงบแล้วเรามีสติ เราน้อมไปเห็นกายเห็นเวทนา เห็นจิต เห็นธรรม มันพิจารณาของมันถ้ามันพิจารณามันแยกแยะของมันด้วยปัญญาของมัน เวลามันถอน มันคายคายทิฏฐิความเห็นที่ผิดมาเป็นความเห็นที่ถูกพอเป็นความเห็นที่ถูก เวลามันสมุจเฉทปหาน มันเห็นสักกายทิฏฐิความเห็นผิดนี้ขาดออกไปเลยขาดไป มันเป็นสังโยชน์สังโยชน์ที่ขาดออกไป ๓ ตัว
พระโสดาบันละสังโยชน์ ๓ ตัวเราก็บอกว่าสังโยชน์ ๓ ตัวมันเป็นอย่างไรเราก็จะไปละที่สังโยชน์นั้นเลย
ก็เหมือนเราจะพิมพ์แบงก์ทุกคนอยากร่ำอยากรวยนะ เราก็มีแท่นพิมพ์ เราก็พิมพ์แบงก์กันเลยนะ ติดคุกหมดเลย แต่ถ้าเราอยากได้แบงก์ เราทำหน้าที่การงานของเรา เราทำธุรกิจของเราแบงก์มันจะมาเราจะได้เงินได้ทอง ได้ผลประโยชน์มาเพราะเราทำหน้าที่การงานของเรา ถ้าทำหน้าที่การงานของเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนอย่างนี้ ถ้าสอนอย่างนี้ เรามีสติปัญญา นี่อริยสัจมรรค มรรคคือเครื่องดำเนินทางอันเอก ทางของใจ ถ้าใจมันก้าวเดินไปอย่างนี้มันจะเป็นประโยชน์กับเรา
เวลาธรรมเกิดๆ มีคุณธรรมนะ คนเหมือนกัน ถ้าได้สร้างบุญกุศลมาจิตใจเป็นธรรมๆเป็นธรรมมันคิดแต่เรื่องดีๆ อยู่แล้ว เขาคิดแต่เรื่องดีๆ ถ้าจิตใจของเรา เราเกิดเป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่จิตใจของเรามีแต่ทุจริต มีแต่อกุศล มันคิดแต่เรื่องร้ายๆ ทั้งนั้นแหละ แล้วมันคิดมันคิดมาทำไมนั่นน่ะ มันคิดมามันก็คิดมาเผาลนใจ มันคิดมาแล้วใครเดือดร้อนล่ะ? ก็ตัวเองเดือดร้อนพอเดือดร้อนแล้วก็แสวงหากิเลสมันก็ชักนำไป
แต่ถ้ามีคุณธรรมนะ เรานิ่ง ทำสิ่งใดมันเป็นบุญกุศล มันเป็นคุณงามความดี กลิ่นของศีลของธรรมมันหอมทวนลม มันไปเอง หลวงตาท่านบอกว่าประพฤติปฏิบัติจนมีคุณธรรมขึ้นมา จะไปอยู่ที่ไหนจะอยู่ป่าไหนก็แล้วแต่ คนเขาแสวงหา เขาแสวงหาเอง
แต่ถ้าตัวเองต้องการให้เขายอมรับต้องการให้เขายอมรับ ใครจะยอมรับใคร ไม่มีใครยอมรับใครหรอก เรายังรับตัวเราไม่ได้เลยเรายังไม่ชอบใจอารมณ์อย่างนี้เลย เราไม่ชอบใจกิเลสที่มันบีบคั้นหัวใจเลย เราไม่ชอบอะไรเลยนะ
ทุกคนเกลียดความทุกข์ ปรารถนาความสุข ทุกคนเหมือนกัน แต่ความสุขอย่างหยาบๆ ความสุขแบบโลกหน้าชื่นตาบานของเขาสบายดีไหมๆ หน้าชื่นตาบานแต่หัวใจมันกลัดหนอง แต่ของเราเวลาเราทำความจริงของเรา เราจะสำรอก เราจะบ่งหนองออกจากใจถ้าเราจะบ่งหนองออกจากใจ เราพยายามฝึกหัด
เวลาฝึกหัดประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เวลาธรรมมันเกิดนะธรรมมันเกิด สิ่งนั้นมันเกิดแล้วก็แล้วกันไป เพราะหลวงตาท่านบอกว่า ในพระไตรปิฎกบอกธรรมเกิด เวลาในบุพพสิกขาบอกธรรมเกิดเวลาคุณธรรมมันเกิดขึ้นมาเราก็งงเวลาธรรมเกิดธรรมเป็นอย่างไรแล้วมันเกิดอย่างไร
แต่เวลาหลวงตาท่านบอกว่า คนที่ประพฤติปฏิบัติจนมีหลักมีเกณฑ์แล้วท่านบอกว่า นั่นแหละกิเลสมันเกิดกิเลสมันเกิดเพราะอะไรเพราะว่าเราทุกข์เรายาก เรามีแต่ความเดือดร้อนแล้วมันมีสิ่งใดมาชโลมหัวใจเราก็ติดใจอันนี้เราก็อยากได้อันนี้ต่อเนื่องๆ ไป แต่มันจะเกิดมาได้อย่างไรล่ะ มันเกิดมาได้จากเราฝึกหัดใช่ไหม พอความอยากได้นั่นคือกิเลสไง
ทั้งๆ ที่เป็นธรรมเกิดทั้งๆ ที่เป็นคุณงามความดีเกิดมาชโลมหัวใจของเรา แต่ด้วยความปรารถนาด้วยความอยากได้จนเกินไปความอยากได้อันนั้น อยากแล้วมันไม่ได้หรอกแต่ถ้าเราประพฤติปฏิบัติของเรา เรามีสติปัญญาของเราเราทำของเราเดี๋ยวมันมาเองพอมันมาของมันเอง เหตุ เหตุประพฤติปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ถ้าเหตุมันสมควรขึ้นมา มันชโลมหัวใจเราอีก ถ้าชโลมหัวใจเราอีก มันมาอีกแล้ว แล้วมันมาจากไหนล่ะ? มันมาจากมีสติมีปัญญา มีการขวนขวายของเรา มีการกระทำของเรา
เราสร้างบุญกุศลของเราเพื่อให้เราเชื่อมั่นเชื่อมั่นว่าบุญกุศลมันมีอยู่ ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่ว เราสละของเราเพื่อประโยชน์กับเราเราสละทานของเราไปเพื่อชีวิตนะสมณะไม่มีอาชีพเลี้ยงชีพด้วยปลีแข้ง เราเสียสละสิ่งที่เราแสวงหามาเพื่อประโยชน์กับชีวิต เราเสียสละทาน นี่เสียสละ ได้สิ่งที่มีชีวิตเลยล่ะ แล้วสิ่งนั้นมันเสริมต่อสิ่งใดไป
ผู้ที่บิณฑบาตเลี้ยงชีพด้วยปลีแข้งบิณฑบาต ฉันอาหารแล้วเข้าสู่โคนไม้ ได้เข้าสมาธิ ได้ความสงบร่มเย็นในหัวใจ นั่นน่ะผลประโยชน์ของเราทั้งนั้นแหละผลประโยชน์ของเราเพราะอะไรเพราะกำลังที่ได้มา ได้มาจากสิ่งที่เราเสียสละออกไป ปัญญาที่เกิดขึ้น ปัญญาเกิดขึ้นจากการส่งเสริมของเรา ปัญญาที่เกิดขึ้น นี่บุญกุศลมันเกิดอย่างนี้ ถ้าบุญกุศลมันเกิดอย่างนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกไว้นะ ในพระไตรปิฎกเวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพานแล้วไปฉันอาหารของนายจุนทะ แล้วอาหารมันเป็นพิษ กลัวว่าบริษัท๔ จะไปเพ่งโทษนายจุนทะ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกไว้ว่าอานนท์ ถ้ามีคนเขาจะเพ่งโทษจุนทะ เธอจงบอกเขานะว่าทานในพระพุทธศาสนานี้มีอยู่ ๒ คราวที่มีผลมีคุณมหาศาล คราวหนึ่ง เราฉันอาหารของนางสุชาดา เราถึงซึ่งกิเลสนิพพานแล้ววันนี้วันสุดท้าย เราได้ฉันอาหารของนายจุนทะ วันนี้เราจะถึงซึ่งขันธนิพพาน
เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าย้อนกลับไปเลย ฉันอาหารของใครฉันอาหารของเขาแล้วเราถึงซึ่งกิเลสนิพพาน อันนั้นบุญกุศลมหาศาล นี่เรามั่นใจของเราไงเรามั่นใจว่าเราส่งเสริมๆ เพื่อบุญกุศลของเราไงภิกษุเลี้ยงชีพด้วยปลีแข้งบิณฑบาตเลี้ยงชีพด้วยปลีแข้งฉันอาหารเสร็จแล้วเข้าสู่โคนไม้เข้าสู่เรือนว่างแล้วนั่งสมาธิภาวนา สิ่งที่เกิดขึ้นๆ บุญกุศลเราทั้งนั้นแหละเพราะเราส่งเสริมสิ่งนี้เกิดขึ้นมา
ดูสิ ทางโลกเขาส่งเสริมเด็กให้เด็กมีปัญญา ให้เด็กเป็นคนดีขึ้นมาอนาคตไปเด็กจะปกครองประเทศนี่ก็เหมือนกันเราทำบุญกุศลของเรา เราส่งเสริมศาสนทายาท ผู้จะจรรโลงศาสนาต่อเนื่องกันไปถ้าเขารักษาใจของเขา เขาเป็นประโยชน์ของเขา เขาจะเป็นหลักในพระพุทธศาสนา ในพระพุทธศาสนาธรรมะคือความร่มเย็นเป็นสุขเพื่อสังคม เราส่งเสริมๆ นั้นเป็นบุญกุศลของเราบุญกุศลอันนี้เป็นบุญ
แล้วถ้าเราจะเอาความจริงของเราล่ะเราจะเอาคุณธรรมของเราเราปฏิบัติของเรา ธรรมจะเกิดจากการประพฤติปฏิบัติธรรมจะเกิดจากศีล สมาธิ ปัญญาถ้ามันมีศีล มีสมาธิ มีปัญญาขึ้นมา มรรคมรรคเกิดขึ้นมรรคก็ชำระล้างหัวใจของเราเพื่อประโยชน์ของเราคุณธรรมแบบนี้เราปรารถนาสิ่งนี้ ฟังธรรมๆ เพื่อเหตุนี้
ฟังธรรมเพื่อตอกย้ำ ของในเรื่องของเราเรื่องในใจของเรา แต่มันยังไม่เกิดขึ้นกับเรามันก็มีครูบาอาจารย์คอยชี้นำ คอยบอกทาง แต่ถ้าใครที่ทำของเราได้จิตใจมันก้าวเดินไปแล้วมันจะก้าวเดินของมันไป ถ้าถึงที่สุดแล้วครูบาอาจารย์ที่เทศนาว่าการกับสัจธรรมในหัวใจเรามันจะเป็นอันเดียวกันมันจะรู้จริงเห็นจริง เป็นปัจจัตตังเป็นสันทิฏฐิโกแล้วจะรู้เลยว่าครูบาอาจารย์ที่ท่านแสดงธรรมแสดงถูกหรือแสดงผิด เพราะใจเราเป็น ใจเราเป็นธรรม เราฟังออก เราฟังเข้าใจได้หมดแหละ แต่ใจเราไม่เป็นธรรม เราเกาะสิ่งนี้ไปก่อน เตือนหัวใจๆ ฟังธรรมๆ ตอกย้ำตอกย้ำ
อานิสงส์ของการฟังธรรมถ้าถึงที่สุด จิตใจมันผ่องแผ้ว สิ่งที่มันรู้อยู่แล้ว ตอกย้ำๆ มันรู้อยู่แล้วแต่กิเลสมันขับไส กิเลสมันขับดัน ตอกย้ำมันถ้ามันมีสติมีปัญญาควบคุมได้นะ จิตนี้ผ่องใส จิตนี้ผ่องแผ้วเพราะการฟังธรรม มีคุณธรรมในใจเห็นไหม
ปาก ปากกินอาหารเป็นคำข้าว ใจมีคุณธรรมมันจะร่มเย็นเป็นสุข ไม่เดือดร้อน ไม่ดิ้นรนจนเกินไปเรารักษาใจอย่าให้มันดิ้นอยู่กลางหัวอกรักษามัน ดูมันเพื่อประโยชน์กับเรา เอวัง